- ประเทศต้องเดินหน้าได้Posted 9 hours ago
- เด็กไทยต้องทำชีวิตก้าวหน้าPosted 1 day ago
- ยุคทะเลเดือดPosted 2 days ago
- รวยลัดเป็นเปลวนรกPosted 3 days ago
- คนทำบุญลดลงPosted 6 days ago
- ใช้สติปัญญาสู้ปัญหาPosted 1 week ago
- คนดีต้องไม่โกงPosted 1 week ago
- หมูเด้งแซงหน้ารัฐบาลPosted 1 week ago
- ผีซ้ำด้ำพลอยPosted 1 week ago
- ถ้าผลงานเข้าตาไม่มีใครไล่Posted 2 weeks ago
‘F1’สิ้นมนต์เศรษฐกิจ? / โดย กองบรรณาธิการ
คอลัมน์ : รายงาน
ผู้เขียน : กองบรรณาธิการ
ฟอร์มูล่าวันชิงแชมป์โลก (Formula One World Championship : F1) เป็นการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบอันดับ 1 ของโลก และเป็นรายการมอเตอร์สปอร์ต ที่มีศักยภาพด้านส่งเสริมการท่องเที่ยว ช่วยเพิ่มคุณค่าทางเศรษฐกิจ
ศักยภาพดังกล่าว ยังคงพิสูจน์ได้ในประเทศและเมืองส่วนใหญ่ ที่เป็นเจ้าภาพการแข่งขันทั้งหมด 20 สนาม ในรอบ 1 ปี (ปีนี้มี 21 สนาม ส่วนปีหน้ามี 20 สนาม)
แต่มาเลเซีย ซึ่งจัดเกมชิงเจ้าความเร็วรายการนี้มา 17 ปี โดยจัดครั้งแรกเมื่อปี 1999 ประกาศ “ยกธงขาว” ยอมแพ้ โดยจะจัดต่ออีกเพียง 2 ปี คือปีหน้า และปี 2018 ด้วยเห็นว่ามีศักยภาพด้านส่งเสริมการท่องเที่ยวลดลง เป็นรายการที่ไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ
มาเลเซียใช้งบจัดการแข่งขันปีละ 300 ล้านริงกิต (2,400 ล้านบาท) และขาดทุนทุกปี
ปีนี้จัดไปเมื่อเดือนตุลาคม ขาดทุนหนักที่สุด สาเหตุจากขายบัตรเข้าชมการแข่งขันได้น้อย มีผู้เข้าชมในสนามปีนี้เพียง 45,000 คน จากความจุสนามทั้งหมด 120,000 ที่นั่ง
นอกจากนั้น ยอดนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาชมการแข่งขันก็ลดลง เช่นเดียวกับยอดผู้ชมถ่ายทอดสดทีวี
อย่างไรก็ตาม แม้จะยกเลิกเป็นเจ้าภาพ F1 แต่มาเลเซียยังคงอาศัยมอเตอร์สปอร์ต เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยทำสัญญาเป็นเจ้าภาพการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลก (MotoGP) ต่อไปถึงปี 2021 เนื่องจากเป็นรายการได้รับความนิยมสูง ขายบัตรเข้าชมได้เต็มสนามทุกปี
หลังมาเลเซียประกาศยอมแพ้ไม่นาน สิงคโปร์ก็ออกอาการจะไม่เอาเช่นกัน
สิงคโปร์เป็นเจ้าภาพ F1 มา 9 ปี นับจากปี 2008 ใช้งบจัดการแข่งขันปีละ 150 ล้านเหรียญสิงคโปร์ (3,750 ล้านบาท) โดยรัฐบาลจ่าย 60% และบริษัท Singapore GP ที่ดูแลการแข่งขันจ่าย 40%
ที่สิงคโปร์อาจจะไม่ต่อสัญญาใหม่ หลังเป็นเจ้าภาพปีหน้า มีเหตุผลเดียวกับมาเลเซีย คือเห็นว่ารายการนี้มีพลังส่งเสริมการท่องเที่ยวด้อยลง ไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ
สิงคโปร์มีกำไรจากการจัดปีแรก โดยมีผู้เข้าชมในสนามถึง 100,000 คน จากนั้นรายได้ลดลงตามลำดับ
ล่าสุดปีนี้ มีรายได้จากนักท่องเที่ยว ที่เดินทางมาชมการแข่งขันเท่าทุนที่ 150 ล้านเหรียญสิงคโปร์ โดยมีผู้เข้าชมในสนาม 73,000 คน ลดลงจาก 87,000 คน ในปีที่แล้ว
สิงคโปร์กำหนดสรุปการตัดสินใจว่า จะต่อสัญญาใหม่หรือไม่ ภายในเดือนนี้
ทั้งนี้ แม้มาเลเซียจะประกาศเลิกเป็นเจ้าภาพ และสิงคโปร์มีแนวโน้มสูงที่จะไม่ต่อสัญญาเช่นกัน แต่กลับมีหลายประเทศสนใจรับเป็นเจ้าภาพแทน
จึงเป็นไปได้ว่า เกมชิงเจ้าความเร็วรายการนี้ ไม่ได้หมดพลังด้านการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเสียทีเดียว
You must be logged in to post a comment Login